รัฐบาลยูเครน เปิดเผยว่า รัสเซียส่งทหารเข้าประจำการในพื้นที่ยึดครองต่าง ๆ มากกว่า 400,000 นาย เพื่อต้านทานปฏิบัติการรุกกลับของยูเครน ที่เริ่มเปิดฉากขึ้นตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายนเป็นต้นมา โดยข้อมูลดังกล่าวมาจากการประเมินของหน่วยข่าวกรองของยูเครน ที่ระบุว่า กองทัพรัสเซียได้ส่งกำลังทหาร 420,000 นายประจำการในพื้นที่ต่างที่ยึดครองจากยูเครน รวมทั้งภูมิภาคไครเมีย ซึ่งรัสเซียผนวกเป็นดินแดนของตัวเองตั้งแต่ปี 2014

"รัสเซีย" รับถูกโจมตีอย่างหนักจริง เสียทหารไป 63 นาย

"รัสเซีย"อ้างสังหารทหารยูเครน 600 นาย แก้แค้นที่ถูกโจมตี

 “รัสเซีย” ส่งทหารกว่า 400,000 นาย ต้านยูเครนรุกกลับ

"ยูเครน" เผย "รัสเซีย" เสียทหารวันเดียวนับพัน

โดยตัวเลข 420,000 นายนี้ ยังไม่นับรวมทหารจากกองกำลังรักษาดินแดนรัสเซีย และหน่วยรบพิเศษที่ทำหน้าที่รักษาพื้นที่ยึดครองต่าง ๆ ไว้

นอกจากนี้ หน่วยข่าวกรองยูเครนยังพบว่า ตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา กองทัพรัสเซีย ใช้ภูมิภาคไครเมียเป็นฐานที่มั่นในการปล่อยโดรน เพื่อโจมตีท่าเรือต่าง ๆ ของยูเครนในเมืองอิซมาอิล ซึ่งท่าเรือเหล่านี้ถูกใช้เป็นทางเลือกเพิ่มเติมสำหรับการส่งออกสินค้า โดยเฉพาะหลังจากที่รัสเซียตัดสินใจถอนตัวออกจากข้อตกลงเปิดเส้นทางขนส่งธัญพืชผ่านทะเลดำ

ขณะเดียวกัน ฮานนาห์ มัลยาร์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมยูเครน เปิดเผยว่า รัสเซียเปิดฉากโจมตีรอบใหม่ในพื้นที่ใกล้เคียงเมืองคาร์คีฟ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน ซึ่งยูเครนยึดคืนจากรัสเซียมาได้ตั้งแต่ปีที่แล้ว

โดย มัลยาร์ ระบุว่ารัสเซียพยายามสกัดไม่ให้หน่วยรบต่าง ๆ ของยูเครนในทางตะวันออก สามารถรวมตัวกันได้ เนื่องจากกังวลว่าทหารยูเครนจะสามารถยึดเมืองบัคมุตคืน หลังจากที่ทหารยูเครนสามารถรุกคืบไปได้อย่างต่อเนื่อง โดยตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา กองทัพรัสเซียยิงปืนใหญ่เกือบ 400,000 นัด เพื่อโจมตีฐานที่มั่นของฝ่ายยูเครนบริเวณภาคตะวันออก

ด้านเจ้าหน้าที่รัฐบาลชาติตะวันตกรายหนึ่ง ประเมินว่า แม้รัสเซียจะสามารถเพิ่มการผลิตกระสุนปืนใหญ่ในอีก 2-3 ปีข้างหน้าได้ถึงปีละ 2 ล้านลูก ซึ่งมากกว่าที่ชาติตะวันตกคาดการณ์ไว้ถึง 1 เท่า แต่ยังไม่เพียงพอกับความต้องการใช้งานในการสู้รบกับยูเครน เนื่องจากการสู้รบตลอดปีที่แล้ว รัสเซียใช้กระสุนปืนใหญ่ไปมากถึง 10 ล้านนัด

ขณะเดียวกัน รถถังยังอาจเป็นหนึ่งยุทโธปกรณ์ที่รัสเซีย ต้องเผชิญกับสภาวะขาดแคลน เนื่องจากจนถึงขณะนี้รัสเซียสูญเสียรถถังไปแล้ว 2,000 คัน ซึ่งอาจต้องใช้เวลานับสิบปีในการสร้างขึ้นมาทดแทน และทันใช้งาน

นอกจากนี้รัสเซียยังสูญเสียยานยนต์ต่อสู้หุ้มเกราะอีก 4,000 คัน เครื่องบินกว่า 100 ลำ และมีทหารบาดเจ็บล้มตายรวมกันประมาณ 270,000 นาย

ซึ่งปัญหาการขาดแคลนอาวุธ ถูกมองว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ที่ผลักดันให้รัสเซียเร่งกระชับความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือ โดยคาดว่าในสัปดาห์นี้ ผู้นำทั้ง 2 ประเทศ คือ ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย และ นายคิม จองอึน ของเกาหลีเหนือ จะพบกันที่เมืองวลาดิวอสตอกของรัสเซีย เพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือด้านการทหารต่าง ๆ ที่คาดว่ารวมถึงความช่วยเหลือด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ด้วย

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางส่วนเตือนว่า อาวุธที่รัสเซียจะได้รับจากเกาหลีเหนืออาจมีคุณภาพต่ำ หรือ ด้อยประสิทธิภาพ แม้จะมีจุดเด่นในเชิงปริมาณก็ตามคำพูดจาก เว็บสล็อต ดีที่สุดในไทย

ภาพจาก : รายการทันโลก Express

By admin